มาวิน โทแก้ว นักวิชาการมือใหม่*
บทนำ
การศึกษาไทยถูกวางระบอบการศึกษาเมื่อวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๒ อ้างอิงไว้ตามที่กฎหมายรองรับในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช ๒๕๔๒[๑]
ที่ให้ความหมาย “การศึกษา” ว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้การฝึกการอบรมการสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ
การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม
สังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ด้วยเหตุนี้ระบบการศึกษาจึงถูกแบ่งออกเป็น ๓ ระบบ ได้แก่ การศึกษาในระบบ,
การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นต้น
ระบบการศึกษาของไทยเป็นระบบกว้างเพราะมองการศึกษาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต
ไม่มีทางจะหยุดนิ่ง ด้วยความที่ว่า การพัฒนาตนเอง เริ่มขึ้นจากการเรียนรู้
การเรียนรู้เริ่มขึ้นจากกระบวนการศึกษา ซึ่งหากมองในอดีต
การศึกษามักเกิดขึ้นแค่ในโรงเรียน แค่ในสถานศึกษา แต่เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยในประเทศไทยเกิดวิกฤตอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากนักศึกษาเข้าใหม่ปี 1 ทุกมหาวิทยาลัยลดลง 70% ซึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลอย่างรุนแรงและรวดเร็ว คือ รูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในห้องเรียน
และบนกระดานดำ เพราะทุกคนสามารถเรียนรู้กันได้ในทุกมุมโลกด้วยระบบออนไลน์ที่เปิดกว้างอย่างไร้ขีดจำกัด
ขณะที่อัตราการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้เกิดวิกฤติมหาวิทยาลัย
จำนวนนักเรียนใหม่เข้าเรียนลดลงในภาพรวม 10-15% ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด
คือ มหาวิทยาลัยเอกชน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก
มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่นักศึกษาลดลง 20-30% และกลุ่มสองมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็ก
ลดลง 50-70%[๒]
มหาวิทยาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยา
วิทยาลัยสงฆ์นครพนมกับยุคออนไลน์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาลัยสงฆ์นครพนม เป็นวิทยาลัยสงฆ์หนึ่งที่อยู่ในกำกับของรัฐ
ตั้งอยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ใต้ร่มบารมีขององค์พระธาตุพนมเป็นสถานที่ที่ชาวธาตุพนมเคารพนับถือ
มหาวิทยาฯ ได้เร่งเห็นว่า
การศึกษาในอนาคตจะเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยระบบการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์เข้ามาทดแทน
เพื่อยกระดับการศึกษาและรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่ซ้ำเดิม
ด้วยเหตุนี้ทางมหาวิทยาลัยจึงได้มีการจัดอบรมการจัดการเรียนการสอนแบบอาศัยห้องเรียนออนไลน์
และมีการสนับสนุนให้อาจารย์ผู้สอนได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช่ไม่ว่าจะเป็น Google
Classroom Emudo หรือ Thai Mooc และยังมีระบบการจัดการเรียนรู้แบบ
E-Learning ของส่วนกลางที่อนุเคราะห์แก่ส่วนภูมิภาคได้เข้าใช้งานได้ในทุกจังหวัด
ทั้งนี้ จากข้อมูลของธนาคารโลก ระบุว่า แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2030
(พ.ศ.2573) เด็กไทยที่เรียนจบจะตกงาน 72% การทำงานถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือหุ่นยนต์เอไอ
ในส่วนของประเทศไทยถูกแทนที่ด้วยเอไอประมาณ 50% ยุโรป 80%[๓]
ดังนั้น
หากการเรียนการสอนยังเป็นไปในรูปแบบเดิม จะทำให้บัณฑิตที่จบออกไปจะตกงานด้วยเหตุมหาวิทยาลัยฯ
จึงมีนโยบายว่า ทำอย่างไรในระหว่างที่เป็นนิสิตอยู่ในมหาวิทยาลัยจะพัฒนาเขาให้เกิดการพัฒนาเรียนรู้อย่างเต็มกำลัง
ทำอย่างไรจะให้เขาสามารถนำความรู้จากวิชาเอกไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้สามารถสร้างอาชีพ สอนคนอื่น และเอาตัวรอดจากสังคมได้
โดยอาศัยหลักพระพุทธศาสนามาเป็นองค์ประกอบ
ขณะที่กระบวนการเรียนรู้ต้องปรับเปลี่ยนเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การเรียนในห้องเรียนต้องลดลงการเรียนที่สำคัญที่สุด คือ การเรียนจากการทำงานเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
อาจารย์ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครพนม
จึงได้ปรับวิธีการสอนและกระบวนการตามที่ได้กล่าวข้างต้น
โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามหลักสูตร
และศักยภาพด้านเทคโนโลยีโดยอาจารย์ผู้สอนที่มีคุณภาพ ที่จบสาขาตรงกับหลักสูตรที่เปิดสอน
ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ได้เปิดการเรียนการสอน ๓ คณะ ๔ สาขาวิชา ๓ ประกาศนียบัตร ทุกหลักสูตรไม่ได้จำกัดเพียงแค่บุคคลที่อายุตามเกณฑ์
แต่เปิดให้ทุกช่วงวัยได้เข้ามาศึกษา โดยเฉพาะ ๓ ประกาศนียบัตรที่ประกอบด้วย
พระพุทธศาสนา พุทธเกษตร และการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อสังคมที่ได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาปรับใช้ที่เปิดโอกาสแก่บุคคลทั่วไปเข้าศึกษา
ซึ่งสอดคล้องกับ นพ.อุดม คชินทร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) บอกไว้ชัดเจนว่า
หลักสูตรในระดับอุดมศึกษาบางหลักสูตรจะต้องปรับให้มีความทันสมัย
การเรียนแบบคณะต้องหายไปปรับเป็นการเรียนแบบบูรณาการกันมากขึ้น มหาวิทยาลัยที่จะอยู่ได้ต้องตอบโจทย์เด็ก
มีคุณภาพ ตอบโจทย์ประเทศและโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญต้องพร้อมที่จะรับมือและต่อสู้กับปัจจัยต่าง ๆ
ที่กำลังเข้ามาคุกคามอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามหาก
“การศึกษาไทยในชั้นอุดมศึกษา
ต้องเปลี่ยนเป็นการเรียนแบบเรียนรู้ตลอดชีวิต เน้นเรียนรู้จากประสบการณ์จริง อาจารย์ต้องแปลงร่างเป็นโค้ช
กระตุ้นและดึงศักยภาพนักศึกษาทั้งระบบการศึกษาไทยและประเทศจะไปรอด”
หากจะทำให้เด็กไทยเก่งได้อย่างนี้
การเรียนการสอนต้องปรับจากเดิมที่เน้นเลคเชอร์อาจต้องลดลง
และส่งเสริมให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมได้ การเลคเชอร์ช่วยได้แค่จำ
เข้าใจ
ไม่สามารถยกระดับไปสู่การคิดวิเคราะห์นวัตกรรมหรือต่อยอดไปเป็นภูมิปัญญาจริงๆ ได้
ขณะที่
การสร้างนวัตกรรมได้จะต้องได้เจอประสบการณ์จริง ตัวอย่างเช่น
วิทยาลัยเทคนิคของประเทศญี่ปุ่น เรียนแบบเลคเชอร์ในห้องเรียนเพียง 3 สัปดาห์
จากนั้นไปทำงานโรงงาน ตัวครูเองตามไปสอนในโรงงานด้วย
ก่อนจะนำปัญหาที่พบจากการทำงานมาร่วมกันคิดทำวิจัย
ปีถัดมาก็จะเปลี่ยนไปเรียนรู้ในอีกโรงงานหนึ่ง
เพื่อให้มีประสบการณ์คิดแก้ไขปัญหาได้ ทำวิจัยไปด้วย
ต่างกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ 4 ปี เรียนแต่ในห้องเรียน ซึ่งไม่ตอบโจทย์
ตรงนี้คือสิ่งที่อย่างจะเน้นว่ากระบวนการเรียนการสอนต้องปรับ
ในอนาคตจากตัวเลขพบว่าปี
2567 จะมีคนอายุ 60 ปี กว่า 20%
ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และปี 2573 จะเพิ่มเป็น 25% ของประเทศ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4
ของประชากรทั้งหมด การศึกษาไทยจะเป็นตัวช่วยเสริมศักยภาพของผู้สูงวัยในประเทศไทย
โดยต้องพัฒนาให้ประชากรที่เข้าสู่วัยชราทำงานได้ มีอาชีพทำ
มหาวิทยาลัยจะต้องคิดหลักสูตรสำหรับผู้สูงอายุให้มาเรียนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากข้อมูลข้างต้นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาลัยสงฆ์นครพนม จึงได้เริ่มสร้างเครือข่ายระหว่างบ้าน มหาวิทยาลัยฯ โรงเรียน
เพื่อดึงเอาญาติธรรมทุกวัยเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมในทุก ๆ
วันศุกร์ระหว่างเปิดการเรียนการสอน
โดยการสนับสนุนของมหาวิทยาลัยที่มุ่งหมายจะสร้างกิจกรรม ศุกร์ถึงธรรม สุขถึงใจ
ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมเป็นจุดน่าสนใจของชาวชุมชนเป็นอย่างมาก
เพราะกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่สร้างประโยชน์แก่หลายฝ่าย สร้างสังคมสุขด้วยธรรม
พัฒนาจิตด้วยการเจริญปัญญา เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยฯ
ได้อาราธนานิมนต์พระวิปัสสนาจารย์จากหลายสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อมาให้ความรู้ ข้อคิดสติเตือนใจ
และแนวทางปฏิบัติเพื่อความก้าวหน้าของจิตต่อไป อ่านมาถึงตรงนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
“หลายท่านคงมองเห็นว่าทุกคนที่มาเรียน ณ สถาบันนี้แล้วคงมีแต่ปริญญาที่ได้กลับไป”
ผู้เขียนบอกเลยว่า ไม่ใช่แน่นอน ซึ่งจะแสดงให้เห็นในหัวข้อถัดไป
ปริญญาธรรม
อ.เปลื้อง ณ นคร[๔] ให้ความหมายของ “ปริญญา” ว่า ชั้นวิทย-ฐานะ
ซึ่งมหาวิทยาลัยหรือสถาบันให้แก่ผู้เรียน สำเร็จตามหลักสูตรชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท
ปริญญาเอก (ศน.) การใช้ปัญญาวิจารณ์ หรือ กำหนดสังขาร เรียกว่า ปริญญา ในทางปฏิบัติ
มี ๓ ขั้น คือ ความกำหนดรู้, ความหยั่งรู้, ความรู้รอบ
การเจริญสติปัฏฐานซึ่งเป็นการอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมนั้น
ทำให้เกิดปริญญา คือ ปัญญารอบรู้ ๓
ขั้น คือ[๕]
ญาตปริญญา
คือ ปัญญาที่ประจักษ์ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ที่ปรากฏโดยสภาพไม่ใช่ตัวตนด้วยนามรูปปริจเฉทญาณเป็นต้นไปเป็นพื้นฐานให้น้อมพิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมอื่นๆ
เพิ่มขึ้น
รอบรู้ขึ้นตามลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่ได้ประจักษ์แล้วในนามรูปปริจเฉทญาณ
ตีรณปริญญา คือ
ปัญญาที่พิจารณาลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏโดยเสมอกันโดยรอบรู้
ไม่เจาะจงฝักใฝ่มุ่งหวังนามธรรมและรูปธรรมใดโดยเฉพาะ
เพราะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏจนทั่วทั้ง ๖ ทวาร
ความสมบูรณ์ของปัญญาที่รู้ชัดในความเสมอกันของนามธรรมและรูปธรรม
ทำให้ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรม ตั้งแต่สัมมสนญาณ เป็นต้นไป
ปหานปริญญา คือ
เมื่อพิจารณาความดับไปของนามธรรมและรูปธรรม จนประจักษ์แจ้งการดับไปของนามธรรมและรูปธรรมด้วยภังคญาณแล้ว
ปัญญารอบรู้เพิ่มขึ้น ก็เริ่มคลายความยินดีในนามธรรมและรูปธรรม
เพราะเห็นโทษของนามธรรมและรูปธรรมเพิ่มขึ้น เป็นปหานปริญญา เป็นต้นไป จนถึงมัคคญาณ
จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ ว่า ปริญญาในที่นี้หมายถึง
ระดับการศึกษาที่สูงกว่าการศึกษาของมัธยมตอนปลาย และสูงกว่า ปวส.หรืออนุปริญญา
ส่วนปริญญาทางธรรม คือ ปริญญาที่ผู้เรียนจะเกิดขึ้นได้ต้องผ่านกระบวนการปฏิบัติ
หรือลงมือปฏิบัติอย่างเข้มข้น
ในทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
หมายถึง ปริญญาที่พัฒนาบัณฑิตให้เป็นคนดีมีคุณธรรม
และสามารถอยู่ในสังคมอย่างมีอย่างสุข โดยที่ไม่นับถือพุทธแค่ในบัตรประจำตัวประชาชน
เป้าหมายของปริญญาธรรม
คือ
สร้างพุทธศาสนิกชนที่เข้าใจในธรรมของพระพุทธเจ้าและเสนอทางเลือกให้ผู้เรียนได้มากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นที่ผู้เรียนจบไปแล้ว
เก่ง ดี มีสุข สามารถดำเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
ถึงแม้ว่าจะจบจากคณะครุศาสตร์ เป็นครูแนวพุทธ
(นำกระบวนการทางพระพุทธศาสนาไปปรับใช้กับการจัดการเรียนรู้, สามารนำหลักธรรมะทางพระพุทธศาสนาถ่ายทอดแก่นักเรียนสอนให้คนมีความสุขในการใช้ชีวิต)
คณะสังคมศาสตร์ รัฐศาสตรบัณฑิต เป็นนักปกครองโดยธรรม
(ถอดแนวทางการปกครองจากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามาปรับใช้กับการบริหารองค์กร
การบริหารทรัพยากร) คณะพุทธศาสนา นักพัฒนาสังคมแนวพุทธ
(การถอดองค์ความรู้เพื่อการทำให้ชุมชนอยู่อย่างเอื้ออาทรต่อกร)
กลุ่มเป้าหมาย
คือ บุคคลทุกวัยที่มีความประสงค์ต้องการอยากเรียนหรือศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
หรือระดับประกาศนียบัตร เพื่อต้องการยกระดับความรู้
หรือองค์ความรู้ที่สร้างความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับหลักธรรมมากขึ้น ดังนั้น
สาขาที่ดำเนินการเปิดในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครพนม
เป็นไปเพื่อคนทุกวัยก็สามารถเข้ามาศึกษาต่อได้ โดยมีการกำหนดเกณฑ์การรับนิสิตใหม่ดังนี้
๑. คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าศึกษาที่เป็นพระภิกษุ/สามเณร
๑)
ต้องสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า
๒)
ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยการศึกษาระดับปริญญาตรี
พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนด
๓)
หรือ ต้องผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
๒.
คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าศึกษาที่เป็นคฤหัสถ์
๑)
ต้องสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า
๒)
ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยการศึกษาระดับ
๓)
หรือ ต้องผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาสำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตร
๑. คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าศึกษาที่เป็นพระภิกษุ/สามเณร
๑) ต้องสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาต้น
หรือเทียบเท่า
๒)
ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยการศึกษาระดับปริญญาตรี
พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนด
๓) หรือ ต้องผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
๒. คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าศึกษาที่เป็นคฤหัสถ์
๑) ต้องสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
หรือเทียบเท่า
๒)
ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยการศึกษาระดับ
๓) หรือ ต้องผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาสำหรับ
หากมองในมุมหนึ่ง
ปริญญาธรรม ในที่นี้หมายถึงการพัฒนาคนให้ได้เรียนรู้วิชาชีวิต
หรือวิชาวิปัสสนาให้เป็นบัณฑิตที่มีสติรู้ รู้เท่าทันสภาวะทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพื่อมิให้ใจต้องหลงอยู่กับสภาวะทางอารมณ์ที่จะเข้ามากระทบจนขาดสติทำกิจหรืองานอย่างอื่นให้ผิดพลาดไป
เอกสารอ้างอิง
[๑] สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒, (ออนไลน์), แหล่งที่มา : https://www.bic.moe.go.th/images/stories/5Porobor._2542pdf.pdf, (๒๖ ตุลาคม
๒๕๖๓).
[๒] Dailynews, แนะมหา'ลัยเอกชนเน้นคุณภาพก่อนไม่รอด, (ออนไลน์), แหล่งที่มา
: https://www.dailynews.co.th /education/690228, (๒๖
ตุลาคม ๒๕๖๓).
[๓] Matichon, เวิลด์แบงก์ชี้ปี 73 บัณฑิตตกงานพุ่ง 72% ชี้ 'เอไอ'มาแทน
ม.ในอเมริกาปิดตัวแล้ว 600 แห่ง, (ออนไลน์),
แหล่งที่มา :https://www.matichon.co.th /education/news_1126294), (๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓).
[๔] อ.เปลื้อง ณ นคร, พจนานุกรมออนไลน์, (ออนไลน์), แหล่งที่มา
: https://dictionary.orst.go.th/, (๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓).
[๕] ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม .. ครั้งที่ ๑๐๑,
(ออนไลน์), แหล่งที่มา : https://www.dhammahome.com/webboard
/topic/29686, (๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓).
ความคิดเห็น